ข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐

The Coronation of King Rama X

เผยที่มาพระยศพิเศษพระนามใหม่ สมเด็จพระเทพฯ-พระองค์โสมฯ ในรัชกาลที่ 10



             เผยที่มาการสถาปนา พระราชอิสริยยศใหม่พระราชวงศ์ เมื่อเปลี่ยนรัชกาล พระยศพิเศษ สมเด็จพระเทพฯ-พระองค์โสมฯ เฉลิมพระนามใหม่ ในรัชกาลที่ 10

พระราชอิสริยยศใหม่พระราชวงศ์
ภาพจาก praew.com

พระราชอิสริยยศใหม่พระราชวงศ์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เรารัก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

           ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562 ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกหนึ่งพระราชพิธีสำคัญที่พสกนิกรเฝ้าชื่นชม คือพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์ ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2562

           โดย praew.com เผยที่มาการสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้ พระยศพิเศษของ "สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" และ "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ" ซึ่งทรงได้รับพระราชทานในสมัยรัชกาลที่ 9 นับว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยมีการคาดเดากันว่า จะได้รับการปรับเปลี่ยนหรือไม่ อย่างไร แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับพระบรมราชวินิจฉัยส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์ และเฉลิมพระนามาภิไธย ดังนี้

พระราชอิสริยยศใหม่พระราชวงศ์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เรารัก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

พระราชอิสริยยศใหม่พระราชวงศ์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เรารัก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

           สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงได้รับการสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์ และเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น "สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี" ( สม-เด็ด-พระ-กะ-นิด-ถา-ทิ-ราด-เจ้า-กรม-สม-เด็ด-พระ-เทบ-พะ-รัด-ราด-สุ-ดา-เจ้า-ฟ้า-มะ-หา-จัก-กรี-สิ-ริน-ทอน-มะ-หา-วะ-ชิ-รา-ลง-กอน-วอ-ระ-ราด-ชะ-พัก-ดี-สิ-หริ-กิด-จะ-กา-ริ-นี-พี-ระ-ยะ-พัด-รัด-ถะ-สี-มา-คุ-นา-กอน-ปิ-ยะ-ชาด-สะ-หยาม-บอ-รม-มะ-ราด-ชะ-กุ-มา-รี) และพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 1

           ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มิได้รับพระราชทานสายสะพาย และได้รับพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 1 เพียงอย่างเดียว เนื่องจากฐานันดรของพระองค์ท่าน สูงที่สุดของฝ่ายใน เทียบเท่าพระบรมราชชนนีแล้ว

พระราชอิสริยยศใหม่พระราชวงศ์
ภาพจาก Live NBT2HD

พระราชอิสริยยศใหม่พระราชวงศ์
ภาพจาก Live NBT2HD

           ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพฯ ทรงได้รับการถวายพระนามจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เมื่อแรกประสูติว่า "สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์" ซึ่งแปลว่า นางแก้ว อันหมายถึง หญิงผู้ประเสริฐ ครั้นในปี 2520 ซึ่งขณะนั้นสมเด็จพระเทพรัตนฯ ทรงมีพระชนมายุ 22 พรรษา รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ทรงได้รับความสำเร็จในการศึกษาอย่างงดงาม และทรงบำเพ็ญพระองค์ให้เป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองมากมาย รวมถึงทรงเพียบพร้อมด้วยพระจรรยามารยาทและคุณสมบัติแห่งขัตติยราชกุมารีทุกประการ อีกทั้งยังเป็นที่รักใคร่ นับถือ และสรรเสริญพระเกียรติคุณโดยถ้วนทั่ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศและพระอิสริยศักดิ์ให้สูงขึ้น ให้ทรงรับพระราชบัญชาและสัปตปฎลเศวตฉัตร (เศวตฉัตร 7 ชั้น) ซึ่งพระราชอิสริยยศนี้สูงส่งที่สุดของเจ้านายฝ่ายใน 

           พร้อมทั้งเฉลิมพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า "สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี" เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2520 ในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 50 พรรษา ของรัชกาลที่ 9

พระราชอิสริยยศใหม่พระราชวงศ์
ภาพจาก praew.com

           สำหรับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงได้รับการสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์เป็นพระองค์เจ้าต่างกรมฝ่ายใน และเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ" (พระ-เจ้า-วอ-ระ-วง-เทอ-พระ-อง-เจ้า-โสม-สะ-วะ-ลี-กรม-มะ-หมื่น-สุด-ทะ-นา-รี-นาด)

           โดยพระองค์โสมฯ ทรงมีพระนามเดิมว่า หม่อมหลวงโสมสวลี กิติยากร เป็นอดีตพระวรชายาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และทรงเป็นพระธิดาพระองค์ใหญ่ของหม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กิติยากร กับท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร จึงทรงเป็นทั้งพระภาติยะ (หลานที่เป็นลูกของพี่ชายหรือน้องชาย) และอดีตพระสุณิสา (ลูกสะใภ้) ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงทรงได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็น "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายาฯ" ซึ่งนับเป็นเจ้านายพระองค์แรกที่ดำรงพระอิสริยยศเป็นพระวรชายา ทรงมีพระธิดาพระองค์เดียวคือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี

พระราชอิสริยยศใหม่พระราชวงศ์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เรารัก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

           ภายหลังการหย่าในปี 2534 พระองค์ยังมีสถานะเป็นเจ้านายและได้รับการเฉลิมพระนามว่า "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ" โดยสร้อยพระนาม "พระวรราชาทินัดดามาตุ" เป็นพระยศพิเศษพระราชทานจาก รัชกาลที่ 9 หมายถึง พระมารดาของพระราชนัดดาพระองค์แรกแห่งพระมหากษัตริย์ผู้ประเสริฐ

           ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2562 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้รับพระกรุณา โปรดเกล้าฯ สถาปนาฐานันดรเป็น  พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ  เป็นพระองค์เจ้าต่างกรมฝ่ายใน และรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ กับเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 1

พระราชอิสริยยศใหม่พระราชวงศ์

พระราชอิสริยยศใหม่พระราชวงศ์

พระราชอิสริยยศใหม่พระราชวงศ์

           ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก คลังประวัติศาสตร์ไทย ได้อธิบายความเป็นมาและหลักเกณฑ์การสถาปนาพระราชอิสริยยศใหม่ของพระราชวงศ์ เมื่อเปลี่ยนรัชกาล ดังนี้

           - ยศพิเศษ 1 ตามธรรมเนียมแล้วจะไม่มีการลดพระราชอิสริยยศของเจ้านายในพระราชวงศ์ ถึงแม้จะเปลี่ยนรัชกาลแล้วก็ตาม คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งพระราชอิสริยยศนี้สูงส่งที่สุดของเจ้านายฝ่ายในแล้ว นั่นก็คือ ได้รับสัปตปฎลเศวตฉัตร หรือฉัตร 7 ชั้น เสมอเท่าสมเด็จพระบรมราชชนนี และสมเด็จพระบรมราชินี แต่มีความพิเศษสูงไปอีกอย่างคือ ใช้คำ "พระราชบัญชา" ในการออกคำสั่ง

            - ยศพิเศษ 2 คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในอดีตเจ้านายพระองค์นี้ผ่านการเป็นพระวรชายามาก่อน แล้วถึงเป็นพระวรราชาทินัดดามาตุในภายหลัง (พระวรราชาทินัดดามาตุ หมายถึง เป็นแม่ของหลานกษัตริย์ผู้ประเสริฐ) ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนมาเป็นสมัยพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ ทำให้พระองค์ย่อมไม่ได้อยู่ในฐานะแม่ของหลานกษัตริย์พระองค์เก่า แต่เป็นพระชนนี หรือแม่ของพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในรัชกาลปัจจุบัน





อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เฟซบุ๊ก คลังประวัติศาสตร์ไทย, praew.com

TOP